วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วิธิต อุตสาหจิต : กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น


วิธิต อุตสาหจิต  : กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น



วิธิต อุตสาหจิต บรรณาธิการหนังสือการ์ตูนในเครือบรรลือสาส์น ผู้ก่อตั้งนิตรสารขายหัวเราะและมหาสนุก และอดีตผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ผีหัวขาด เขายังเป็นผู้บุกเบิกการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นสามมิติเป็นผู้แรกในประเทศ ไทย มีผู้ให้สมญานามแก่เขาว่า “ราชาแห่งการ์ตูนไทย” ในยุคปัจจุบัน แฟนการ์ตูนบรรลือสาส์นรู้จักกันดีในนาม “บ.ก.วิติ๊ด” ในปัจจุบัน เขายังได้ทำการเปิดตัว ขายหัวเราะ แฮพพลิเคชั่น (Kai Hua Roh Happlication) สำหรับดาวน์โหลดอีแม็กกาซีน โดยใช้ได้กับแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการไอโอเอสและแอนดรอยด์อีกด้วย

ประวัติ

วิธิต อุตสาหจิต เป็นบุตรของนายบันลือ อุตสาหจิต เจ้าของและผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น ลำดับที่ 1 จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 9 คน เกิดเมื่อ พ.ศ. 2498 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนสตรีจุลนาค ต่อมาย้ายไปเรียนต่อสายวิชาชีพจนได้วุฒิประกาศนียบัตรทางวิชาชีพ (ปวช.) จากโรงเรียนพณิชยพระนคร ช่วงนี้เองที่วิธิตมีโอกาสได้เรียนรู้ และเข้าไปฝึกงานด้านฟิล์ม โดยเข้าฝึกงานกองถ่ายภาพยนตร์ ก่อนจะไปตัดสินใจไปเรียนการทำภาพยนตร์ที่ London College ประเทศอังกฤษ จนจบปริญญาตรี
ภายหลังสำเร็จการศึกษาแล้ว วิธิตจึงรับช่วงต่อธุรกิจจากบิดา เพื่อรับหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ขับเคลื่อนธุรกิจโรงพิมพ์ และหนังสือขายมุขในเครือบรรลือสาส์นช่วงประมาณปี 2520

 

หนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ : บรรลือสาส์น

ขายหัวเราะ : บรรลือสาส์น


ขายหัวเราะ เป็นชื่อของนิตยสารการ์ตูนไทยรายสัปดาห์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น ภายใต้การบริหารงานของ วิธิต อุตสาหจิต และเป็นหนังสือการ์ตูนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเล่มหนึ่งในประเทศไทย ควบคู่ไปกับนิตยสารมหาสนุก ซึ่งจัดพิมพ์โดยบรรลือสาส์นเช่นกัน เริ่มตีพิมพ์ฉบับแรกเมื่อ พ.ศ. 2516 ในเวลาต่อมา ทางบันลือกรุ๊ป ได้ใช้งบ 10 ล้านบาทสำหรับการจัดทำขายหัวเราะในรูปแบบอีแม็กกาซีน โดยเวอร์ชันทดลองแรกเริ่ม มียอดดาวน์โหลดกว่า 2 หมื่นครั้ง ภายในช่วงระยะเวลา 4 วัน นอกจากนี้ ขายหัวเราะยังจัดเป็นนิตยสารการ์ตูนไทยที่สามารถทำยอดขายได้กว่าล้านเล่มของแต่ละเดือน ตลอดช่วงระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา

รูปแบบของหนังสือ

ขายหัวเราะ เป็นนิตยสารที่นำเสนอการ์ตูนตลกสามช่องจบ หรือ การ์ตูนแก๊กเกือบตลอดทั้งเล่ม ภายในลงพิมพ์เรื่องขำขันแทรก เป็นช่วงๆ และเรื่องสั้นสามเรื่องในแต่ละฉบับ ซึ่งไอเดียในการเขียนการ์ตูนแก๊ก ขำขัน และเรื่องสั้นเหล่านี้ ผู้อ่านสามารถเขียนเพื่อนำเสนอให้ทางนิตยสารตีพิมพ์ได้ โดยต้องผ่านการพิจารณาจากกองบรรณาธิการก่อน นักเขียนเรื่องสั้นที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคนก็เคยมีผลงานตีพิมพ์ใน นิตยสารฉบับนี้ เช่น อธิชัย บุญประสิทธิ์, ดำรง อารีกุล, น้ำอบ, นอติลุส, เพชรน้ำเอก เป็นต้น นอกจากนี้ยังถูกลงในรายการ 3 โลกการ์ตูน ทางช่อง 3 ที่ต่ายกับนิคและบอกอวิธิตเป็นพิธีกร
ส่วนขนาดรูปเล่มของขายหัวเราะ ในสมัยเริ่มแรกมีรูปเล่มขนาดใหญ่เท่ากระดาษ A4 [2] ต่อมาในปี พ.ศ. 2529 จึงได้เริ่มปรับขนาดหนังสือให้เล็กลง โดยใช้ชื่อหนังสือเล่มเล็กว่า "ขายหัวเราะฉบับกระเป๋า" มีขนาดเท่ากระดาษ B5 ซึ่งเป็นขนาดของหนังสือขายหัวเราะในปัจจุบัน ส่วนขายหัวเราะฉบับเดิมก็ยังคงพิมพ์ต่อไป จนกระทั่งมีการยกเลิกในเวลาต่อมา เหลือเพียงขายหัวเราะฉบับกระเป๋าเท่านั้น
ราคาขายของขายหัวเราะในสมัยเล่มใหญ่นั้นอยู่ที่ 5 บาท (ต่อมาได้เพิ่มเป็น 6 และ 7 บาท) ต่อมาเมื่อมีการปรับขนาดลงมาเป็นฉบับกระเป๋า จึงมีการปรับราคาหนังสือใหม่เป็น 10 บาท ภายหลังจึงขึ้นราคาเป็น 12 บาท และ 15 บาท (ราคาปัจจุบัน ปรับขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2549) ตามต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
กำหนดการออกนิตยสารนั้นเดิมกำหนดออกเป็นรายปักษ์ (ราย 15 วัน) ภายหลังจึงปรับให้ออกเป็นรายสิบวันและรายสัปดาห์พร้อมกับมหาสนุก โดยขายหัวเราะมีกำหนดออกในวันอังคาร ส่วนมหาสนุกออกจำหน่ายในวันศุกร์ ต่อมาจึงปรับกำหนดออกอีกครั้งให้เป็นวันพุธทั้งสองฉบับในเดือนเมษายน พ.ศ. 2541

นักเขียนการ์ตูนของขายหัวเราะ

นักเขียนในปัจจุบัน

รายชื่อนักเขียนของขายหัวเราะในปัจจุบันนี้อ้างอิงตามที่ปรากฏรายชื่อนาม ปากกาในนิตยสารขายหัวเราะ ฉบับที่ 1033 ประจำวันพุธที่ 20-26 พฤษภาคม 2552 [4]

นักเขียนในอดีต

  • ปิยะดา (นาวาอากาศเอกประเวส สุขสมจิตร) - ปัจจุบัน เขียนลงในศิลปวัฒนธรรม
  • พลังกร - ปัจจุบันมีงานเขียนการ์ตูนล้อการเมืองในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
  • พล (พล พิทยาสกุล) - ปัจจุบันเป็นนักเขียนการ์ตูนล้อการเมืองในหนังสือพิมพ์ข่าวสดและนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์
  • อ้อ อ่อนน้อม - ลาออกเมื่อ พ.ศ. 2532
  • แอ๊ด (อรรณพ กิติชัยวรรณ) - ปัจจุบันมีผลงานล้อการเมืองในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
  • เดี่ยว (ธรรรักษ์ แสงสุวรรณ) - ฉายา "มะเดี่ยวศรีหลานยายปริก" เริ่มเขียนการ์ตูนเมื่อปี พ.ศ. 2532 ยุติการเขียนการ์ตูนเมื่อพ.ศ. 2547 ปัจจุบันเป็นศิลปินอิสระ
  • ต่อ (โพชฌงค์ ทองอนันต์) - เสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 2547 จากอุบัติเหตุรถชน
  • สัญ (สัญญา พูลศรี) - ฉายา "สัญ อินเลิฟ" ปัจจุบันเขียนการ์ตูนที่หนังสือการ์ตูนฮาจะเกร็ง และวาดภาพประกอบหนังสือทั่วไป
  • เอ๋ (ศิรินันท์ วิชาตรง) - ฉายา "เอ๋ จุ๊มุ" นักเขียนการ์ตูนหญิงคนแรกของขายหัวเราะ ปัจจุบันเป็นศิลปินอิสระ
  • อ๋อน (วีระเดช ไกรศรี) - ฉายา "ONNY UBON" น้องชายของผดุง ไกรศรี (เอ๊าะ) ปัจจุบันเป็นนักแต่งเพลงลูกทุ่ง และเขียนการ์ตูนที่หนังสือการ์ตูนฮาจะเกร็ง
  • กุ่ย (ชัยวัฒน์ สุวัฒนรัตน์) - ปัจจุบันมีงานเขียนการ์ตูนล้อการเมืองในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
  • เชษฐา - ปัจจุบันมีงานเขียนการ์ตูนตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
  • บัฟ (เศวต อติยศพงศ์) - เลิกเขียนการ์ตูนให้กับบรรลือสาส์นแล้ว ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์ใหม่ของตัวเอง เจ้าของผลงานการ์ตูนชุด "สมาคม คนหอ" และ" คุณพ่อไม่บังเกิดเกล้า"
  • เดช (รณเดช ส่องศิริ)
  • รินทร์ (จักรนรินทร์ พรหมอินทร์) - เลิกเขียนการ์ตูนให้กับบรรลือสาส์นแล้ว
  • จิ๋ว - ลาออกเมื่อ พ.ศ. 2545 แต่กลับมาเขียนอีกครั้งในปี พ.ศ. 2555
  • เดีย (ทวิรัชต์ เตียนสำรวย) - ปัจจุบันเขียนการ์ตูนสำหรับสอนเด็กเล็กแนววิชาการตูน และ นิทาน, สารคดีตูน ดีไซน์ชุดaeropart ตกแต่งรถยนต์ให้โรงงานผลิตชื่อดัง
  • อ่อน (อนุวัฒน์ ไชยเมือง; นามปากกาอื่น: แก๊ก; ใช้นามปากกานี้ในสวนเด็ก) ปัจจุบันเป็นทีมงานเขียนภาพการ์ตูนล้อเลียนให้กับบริษัท CARICATURE CINEMA ของ BUDDY ROSE'S นักเขียนการ์ตูนล้อเลียนชื่อดังในอเมริกา
  • ตุ่น- (ธัญญา จันทะราช) -ปัจจุบันไม่ใช่คนเขียนการ์ตูนของขายหัวเราะ-มหาสนุก เลยตัดสินใจไปเขียนการ์ตูนให้กับสำนักพิมพ์สามดาว
  • ยิ้ม (สมชาย ดาผา) - ปัจจุบันไม่ใช่คนเขียนการ์ตูนของขายหัวเราะ-มหาสนุก เลยตัดสินใจไปเขียนการ์ตูนให้กับตลาดตลก
  • เดอะมิตร - ปัจจุบันไปทำงานด้านภาพยนตร์

แหล่งข้อมูลอื่น : บรรลือสาส์น


แหล่งข้อมูลอื่น : บรรลือสาส์น

สมุดภาพจากบรรลือสาส์น













สมุดภาพจากบรรลือสาส์น

หนังสือการ์ตูนจากบรรลือสาส์น


หนังสือการ์ตูนจากบรรลือสาส์น


หนังสือรายสัปดาห์

หนังสือรายเดือน

หนังสือ 4 สี


นักเขียนการ์ตูนในสังกัดบรรลือสาส์น


นักเขียนการ์ตูนในสังกัดบรรลือสาส์น

  • โดด (สมพงษ์ สุวรรณดี)
  • เอ๊ะ (ภูวดล ปุณยประยูร)
  • จ๊ะโอ๋ (นิวัฒน์ ทองสุข)
  • ไก่ (ธรรมรัตน์ รมย์นุกูล)
  • เด่น (จักรพงศ์ กว้างขวาง)
  • วุ่น (พิรุณ บุญประเสริฐ)
  • ก้าง (พรพิทักษ์ ประเสริฐ)
  • วิรัตน์ (วิรัตน์ ยืนยงพัฒนากิจ)
  • มังกร (มังกร สรพล)
  • ยุง (จีรพงษ์ ศรนคร)
  • น้อยหน่า (สุริยา อุทัยรัศมี)
  • เดอะดวง (วีระชัย ดวงพลา)
  • ต้น (จักรพันธ์ ห้วยเพชร)
  • บอย (นามปากกาอื่น : ไอ้บอย)
  • ม่อน

 

บริษัทในเครือบันลือกรุ๊ป


บริษัทในเครือบันลือกรุ๊ป

  • บริษัท บันลือ พับลิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) - ผลิตผลงานต่างๆ ออกสู่ตลาดหนังสือทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • บริษัท บรรลือสาส์น จำกัด - ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2533 ดูแลการจัดจำหน่ายหนังสือแก่ลูกค้าทั่วประเทศ
  • บริษัท บันลือบุ๊คส์ จำกัด - ผู้แทนจำหน่ายหนังสือในเครือบันลือกรุ๊ป
  • บริษัท วิธิตา จำกัด - ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2544 เป็นบริษัทผลิตงานแอนิเมชั่น ภาพยนตร์ดิจิตอล และโมบายล์คอนเทนต์
  • บริษัท มาโชบิส จำกัด - ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2544 ดูแลด้านธุรกิจลิขสิทธิ์ และบริหารงานทางด้านการตลาดทั้งหมดของบริษัทในเครือ

สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น!!!


หนังสือสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น!!!

สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น เป็นสำนักพิมพ์ที่มีบทบาทในด้านการ์ตูนไทย จากการจัดพิมพ์นิยายชุดและหนังสือการ์ตูนยอดนิยมหลายชุดทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น หัสนิยายชุด พล นิกร กิมหงวน ขายหัวเราะ มหาสนุก ปังปอนด์ หนูหิ่นอินเตอร์ เป็นต้น และเป็นผู้บุกเบิกการทำภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3 มิติ เป็นรายแรกของประเทศไทย

ประวัติ

สำนักพิมพ์บรรลือสาสน์ก่อตั้งโดยบันลือ อุตสาหจิต เมื่อปี พ.ศ. 2498 ที่ถนนนครสวรรค์ ใกล้สะพานผ่านฟ้าลีลาศ จังหวัดพระนคร ในระยะแรกสำนักพิมพ์ได้จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายนวนิยายของทมยันตี,แก้วเก้า หนังสือเพลงลูกทุ่งและเพลงลูกกรุง และหนังสือการ์ตูนชุดต่างๆ เช่น สิงห์เชิ้ตดำ, หนูป้อม - ลุงเป๋อ, หนูจ๋า, เบบี้, หัสนิยายชุด พล นิกร กิมหงวน และอื่นๆ โดยทางสำนักพิมพ์ได้ทาบทามให้ เสถียร หาญคุณตุละ เจ้าของนามปากกา "จิงโจ้" มาเป็นนักเขียนภาพประกอบและนักเขียนการ์ตูนรายแรกของสำนักพิมพ์ หลังจากนั้นจึงมีนักเขีบนคนอื่นๆ ได้แก่ เศก ดุสิต, จำนูญ เล็กสมทิศ (จุ๋มจิ๋ม), วัฒนา เพชรสุวรรณ (วัฒนา, อาวัฒน์, ตาโต) เข้ามาร่วมงานด้วยกัน ส่วนด้านการตลาดนั้น บันลือ อุตสาหจิตได้ลงทุนเป็นผู้บุกเบิกการตลาดด้วยตัวเอง เดินทางสำรวจและเยี่ยมเยียนลูกค้าตามจังหวัดต่างๆ ทำให้สำนักพิมพ์จึงประสบความสำเร็จ ทั้งด้านคุณภาพการจัดทำและการจัดจำหน่ายในระยะเวลาไม่นานนัก
ในปี พ.ศ. 2516 วิธิต อุตสาหจิต บุตรชายคนโตของบันลือ (ขณะนั้นอายุได้ 18 ปี) ในฐานะบรรณาธิการ ได้ให้กำเนิดนิตยสารการ์ตูนชื่อ "ขายหัวเราะ" ซึ่งเป็นหนังสือการ์ตูนตลกรูปแบบการ์ตูนแก๊กแบบ 3 ช่องจบ โดยรวบรวมผลงานจากนักเขียนการ์ตูนหลายคนไว้ในเล่มเดียว นิตยสารดังกล่าวได้รับความนิยมจากผู้อ่านเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ในปี พ.ศ. 2518 วิธิตจึงได้ออกนิตยสารการ์ตูนอีกเล่มหนึ่งชื่อ "มหาสนุก" ซึ่งมีรูปแบบเนื้อหาที่คล้ายกันกับขายหัวเราะ แต่ได้มีการเพิ่มการ์ตูนเรื่องสั้นไว้ในนิตยสารฉบับนี้ด้วย นิตยสารทั้งสองเล่มได้กลายเป็นแหล่งสร้างสรรค์นักเขียนการ์ตูนรุ่นใหม่ เช่น นิพนธ์ เสงี่ยมศักดิ์ (นิค), ภักดี แสนทวีสุข (ต่าย), ผดุง ไกรศรี (เอ๊าะ) ฯลฯ และการ์ตูนยอดนิยมชุดต่างๆ เช่น ปังปอนด์, สาวดอกไม้กะนายกล้วยไข่, หนูหิ่นอินเตอร์ และยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2523 บรรลือสาส์นได้ผลิตรายการ 3 โลกการ์ตูน ป้อนให้กับทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศทุกวันหลังข่าวทุกช่วง
ปัจจุบันสำนักพิมพ์บรรลือสาส์นใช้ชื่อว่า "บริษัท บันลือ พับลิเคชั่นส์ จำกัด" ในเครือบรรลือกรุ๊ป มีที่ตั้งปัจจุบันอยู่ที่ 959 ซอยสุทธิพร ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

 

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4 นางสาว กชพรรณ แตงพุก รหัส 2561051542305


1. การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data   Interchange: EDI) คืออะไร
การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Data Interchange: EDI) 

           เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีก หน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย เช่น โทรศัพท์ สายเคเบิล ดาวเทียม เป็นต้น แทนการส่งเอกสารโดยพนักงานส่งสารหรือไปรษณีย์ ระบบ EDI จะต้องใช้รูปแบบของเอกสารที่เป็นมาตรฐานเพื่อให้หน่วยงานทางธุรกิจหรือ องค์กรต่างๆ สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับมาตรฐานของ EDI ในประเทศไทยถูกกำหนดโดยกรมศุลกากร ซึ่งเป็นหน่วยงานแรกที่นำระบบนี้มาใช้งาน คือ มาตรฐาน EDIFACT (Electronic Data Interchange for Administration, Commerce and Transport)

ตัวอย่าง ของเอกสารที่นำมาใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยระบบ EDI เช่น ใบสั่งซื้อสินค้า ใบเสนอราคา ใบกำกับสินค้า ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี เป็นต้น

บริษัท ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange : EDI) เป็นองค์กรที่ให้บริการ EDI ทางการค้าระหว่างประเทศแก่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ซึ่งได้ แก่ กรมศุลกากร บริษัทการบินไทย (มหาชน) จำกัด การท่าเรือแห่งประเทศไทย และกรมการค้าต่าง ประเทศ ตลอดจนผู้ใช้ในภาคเอกชน

ประโยชน์ของการใช้ระบบ EDI
1.ลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดส่งเอกสาร
2.ลดเวลาทำงานในการป้อนข้อมูล ทำให้ข้อมูลมีความถูกต้อง
และลดข้อผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลที่ซ้ำซ้อน
3.เพิ่มความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร
4.ลดค่าใช้จ่ายและภาระงานด้านเอกสาร
5.แก้ปัญหาอุปสรรคทางภูมิศาสตร์และเวลา

2. การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange: EDI) มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร


                                                   ขั้นตอนการทำงานของระบบ EDI มีดังนี้
1. ผู้ส่งทำการเตรียมข้อมูล และแปลงให้อยู่ในรูปแบบมาตรฐาน UN/EDIFACT โดยใช้ Translation Software
2. ผู้ส่งทำการส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการของผู้ให้บริการ EDI ผ่านเครือข่ายสาธารณะโดยใช้ Modem
3. ผู้ให้บริการ EDI จะจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ในตู้ไปรษณีย์ (Mailbox) ของผู้รับเมื่อข้อมูลไปถึงศูนย์บริการ
4. ผู้รับติดต่อมายังศูนย์บริการผ่าน Modem เพื่อรับข้อมูล EDI ที่อยู่ในตู้ไปรษณีย์ของตน
5. ผู้รับแปลงข้อมูลกลับโดยใช้ Translation Software ให้อยู่ในรูปแบบที่ระบบงานของตนสามารถรับไปประมวลผลได้


3. ตัวอย่างธุรกิจที่สามารถนำการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับธุรกิจ
              ทุกธุรกิจที่มีการใช้เอกสารจำนวนมากและเป็นประจำโดยมีขั้นตอนซ้ำๆ แต่ต้องการความถูกต้องรวดเร็วและแม่นยำของข้อมูลเช่นธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ที่ต้องมีการสั่งซื้อสินค้าเป็นประจำ ธุรกิจขนส่งซึ่งต้องใช้ข้อมูลประกอบในการจัดการขนส่งสินค้า ธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตสินค้าที่ต้องสั่งซื้อวัตถุดิบและธุรกิจการค้า ระหว่างประเทศ เป็นต้น

ยกตัวอย่างเช่น
ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำมหาชัย CPF (บมจเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จังหวัดสมุทรสาคร)
หน่วยงาน สำนักห้องปฎิบัติการกลาง จะใช้ระบบพันธวณิช โดยเข้าที่
เป็นเว็บไซต์ที่ใช้ในการสั่งซื้อ Order สินค้าและบริการให้กับหน่วยงาน


4. ประโยชน์ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange: EDI)
มาใช้กับธุรกิจอย่างไร

         เพิ่มความถูกต้อง รวดเร็ว และแม่นยำ ในการรับ-ส่งเอกสาร ลดงานซ้ำซ้อน 
  และลดขั้นตอนการจัดการรับ-ส่งเอกสารสามารถนำเอาข้อมูลมาใช้ประโยชน์มากที่สุด
  ลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอกสาร เช่น ค่าแสตมป์ ค่าพัสดุไปรษณีย์ และพนักงาน
  เพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่มีการแข่งขันสูงขึ้น
  เพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า 


                                       5.อธิบายความสัมพันธ์ของระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์ EDI
 
     
ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจต่างๆมากมายหลายช่องทาง
ไม่ ว่าจะเปนร้านค้า (Merchant)  หรือการค้าขายบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตก็สามารถทำได้ง่ายและไวต่อการซื้อขาย สินค้า  ทำให้ลูกค้า (Customer) เชื่อมั่นในการบริการเพราะการชำระสินค้าต้องผ่านการบริการของระบบการเงิน หรือธนาคาร (Bank) ต่างๆ  ทำให้การใช้ชีวิตของเราสนุกและสามารถหารายได้กับระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์ EDI